บริษัท ฟิลิปส์ อิเล็กทรอนิกส์ (ประเทศไทย) จำกัด Philips Lighting หรือ Philips บริษัทที่คนไทยรู้จักและคุ้นชินกันมานานกับหลอดไฟคุณภาพในวันนี้ได้เปลี่ยนชื่อ เป็น “Signify” โดย Signify N.V. บริษัทแม่ที่อัมสเตอร์ดัม จดทะเบียนอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 16 พฤษภาคม 2561 ไปแล้ว แต่สำหรับในประเทศไทยกำลังดำเนินการขอจดทะเบียนชื่อใหม่อยู่ ทั้งนี้ ชื่อผลิตภัณฑ์ต่างๆ จะยังคงเป็นแบรนด์ Philips เช่นเดิม

เพื่อปรับเปลี่ยนรูปแบบของการดำเนินธุรกิจให้สอดคล้องกับยุคดิจิทัล โดยใช้ยุทธศาสตร์ที่เกี่ยวกับ IoT เพื่อรวบรวมข้อมูลและบริหารจัดการระบบแสงสว่างได้อย่างมีประสิทธิภาพ เผย Mega Trend ของโลกเกี่ยวกับการใช้แสง พบไลฟ์สไตล์, จำนวนประชากร และตัวเมืองเปลี่ยนไป ทำให้มีความต้องการใช้แสงมากขึ้น แต่ก็ยังต้องการใช้ไฟอย่างประหยัด และต้องการให้มีระบบดิจิทัลอย่าง IoT เข้ามาช่วยเพื่อนำไปสู่ Industry Transformation ในอนาคต

“เราเลือกชื่อบริษัทใหม่ด้วยเหตุผลที่แสงสว่างนั้นกลายมาเป็นอีกหนึ่งภาษาอันชาญฉลาดซึ่งมีนัยยะทั้งการเชื่อมต่อและการเป็นสื่อนำ มันเป็นการแสดงจุดยืนที่ชัดเจนสำหรับวิสัยทัศน์ทางยุทธศาสตร์รวมถึงเจตจำนงค์ที่จะปลดปล่อยศักยภาพอันน่ามหัศจรรย์ของแสงสว่างเพื่อชีวิตที่รุ่งโรจน์และโลกที่ดีขึ้นกว่าเดิม”
Eric Rondolat, CEO Signify

ประสบการณ์ที่ผ่านมาของ Signify ถูกผลักดันอย่างต่อเนื่องด้วยแนวคิด ‘แสงสว่างเป็นหนึ่งในปัจจัยพื้นฐานที่จำเป็น’ ในขณะที่การเปลี่ยนแปลงครั้งใหม่เป็นการเติมเต็มศักยภาพและความเป็นไปได้อื่น ๆ เมื่อแสงสว่างถูกเชื่อมต่อเข้ากับโลกยุคใหม่ผ่านเครือข่าย ซอฟต์แวร์ เซนเซอร์ และแพลตฟอร์ม IoT ทำให้ทุกข้อจำกัด ทุกเงื่อนไขพังทลายลง เป็นผลจากการให้ความสำคัญกับงานวิจัยและพัฒนาด้วยงบลงทุน 4.8% จากยอดขายทั้งหมด ทำให้สร้างเทคโนโลยีใหม่ ๆ ที่สามารถพลิกโฉมการใช้ชีวิตได้ อาทิ  LiFi เทคโนโลยีที่ปฏิวัติวงการการเชื่อมต่อบรอดแบนด์ที่รวดเร็วและมีความเสถียรผ่านทางคลื่นแสง ซึ่งเหมาะสำหรับพื้นที่ที่ WiFi ไม่สามารถใช้งานได้ หรือสถานที่ที่การเชื่อมต่อแบบไร้สายมีคุณภาพแย่หรือไม่สามารถเชื่อมต่อได้

หลายคนอาจสงสัยว่า IoT สำหรับระบบแสงว่างสามารถทำอะไรได้? ขอยกตัวอย่างแสงไฟถนนอัจฉริยะที่สามารถสนับสนุนสภาพคล่องของการจารจรได้ ช่วยสนับสนุนในการเข้าจอดในลานจอดรถ นอกจากนี้ยังใช้ในการตรวจจับอาชญากรรม เสียงรบกวน หรือคุณภาพอากาศได้อีกด้วย หรือแม้แต่การใช้งานในอาคารสามารถบริหารจัดการทรัพยากรให้เกิดมูลค่าสูงสุด ไม่ว่าการบริหารจัดการพื้นที่ให้เกิดการใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ การติดตามข้อมูลของพลังงานที่ใช้สำหรับระบบแสงสว่าง การควบคุมแสงในแต่ละพื้นที่ด้วยระบบอัตโนมัติที่สามารถตั้งเวลาหรือใช้งานร่วมกับเซนเซอร์ การมาถึงของ IoT จะเติมเต็มแนวคิดของการใช้ชีวิตภายใต้สภาพแวดล้อมอัตโนมัติที่สมบูรณ์แบบ ไม่ว่าจะเป็นการจัดการพลังงาน การจัดการสภาพแวดล้อม ส่งเสริมให้เกิดทั้งความปลอดภัยในขณะที่ควบคุมดูแลต้นทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ

Leave a comment